เลือกหน้า

เมทัลชีท ราคาปี 2025 เช็กก่อนซื้อ! พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานก่อสร้าง

เมทัลชีทราคา

เมทัลชีท เป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในงานบ้าน, อาคาร, โรงงาน หรือแม้แต่รั้ว ด้วยจุดเด่นที่มีน้ำหนักเบา ทนแดดทนฝน และติดตั้งได้รวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่หลายคนมักสงสัยคือ เมทัลชีทราคาแพงไหม หลังคาเมทัลชีทตารางเมตรละกี่บาท หรือราคาเมทัลชีทเมตรละเท่าไหร่? เพื่อเลือกใช้ในการก่อสร้างหรือต่อเติมได้อย่างเหมาะสมตรงตามที่ต้องการ

ในบทความนี้ จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหลังคาเมทัลชีทที่อาจสูงขึ้น หรือระแนงเมทัลชีทราคาที่ต่างกัน เช่น ความหนา การเคลือบสี ไปจนถึงขนาดและแหล่งจำหน่าย เพื่อให้คุณสามารถเลือกวัสดุที่เหมาะสม คุ้มค่า และตอบโจทย์ทุกงบประมาณได้อย่างมั่นใจ

 

เมทัลชีทคืออะไร?

เมทัลชีทคือ

เมทัลชีท (Metal Sheet) คือ แผ่นเหล็กเคลือบรีดลอน โดยเป็นส่วนผสมระหว่างสังกะสีและอลูมิเนียม 55% มีทั้งแบบเคลือบสีและไม่เคลือบสี เหมาะแก่การใช้ตกแต่งทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นงานหลังคาบ้าน งานรั้วเมทัลชีท  หลังบ้าน ผนัง หรือรั้ว เป็นต้น 

นอกจากนี้ เมทัลชีทราคายังไม่แพง มีน้ำหนักเบา ติดตั้งได้ง่าย สวยงาม สามารถตกแต่งได้หลากหลายสไตล์ ทำให้แผ่นเมทัลชีทได้รับความนิยมจากคนตกแต่งบ้าน

คุณสมบัติของเมทัลชีท

  • น้ำหนักเบา เมทัลชีทผลิตจากแผ่นเหล็กที่ผ่านการรีดลอนและเคลือบสารป้องกันสนิม มีน้ำหนักเบากว่ากระเบื้องหลังคาทั่วไปหลายเท่า จึงช่วยลดทั้งค่าแรงติดตั้งและค่าโครงสร้างได้อย่างคุ้มค่า
  • แข็งแรงทนทาน แข็งแรงทนทาน ไม่แตกจากแรงกระแทกเหมือนกระเบื้อง และเมื่อรีดเป็นแผ่นยาวต่อเนื่องจึงช่วยลดจุดรั่วซึมได้ดี
  • ติดตั้งง่าย รวดเร็ว ใช้แรงงานและเวลาในการติดตั้งน้อยกว่าหลังคากระเบื้อง
  • ดีไซน์สวยงาม มีสีสันและลวดลายหลากหลาย สามารถออกแบบให้เข้ากับสไตล์บ้านได้ทุกแบบ

 

ข้อดีของเมทัลชีทเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น

  • น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก แผ่นเมทัลชีทมีน้ำหนักเบากว่าวัสดุอย่างกระเบื้องลอนคู่ ทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะติดตั้งหลังคา หรือติดบานเกล็ดเมทัลชีทราคาไม่แพงก็ทำได้
  • ปรับแต่งรูปทรงได้หลากหลาย รูปทรงและขนาดเมทัลชีทสามารถตัดโค้งหรือดัดแผ่นตามรูปแบบหลังคาที่ต้องการได้ ทั้งทรงโค้ง โดม หรือระแนงตกแต่ง ทั้งนี้ ที่เมทัลชีทราคาต่างกันก็มีปัจจัยมาจากขนาด และความหนาของแผ่นด้วย
  • เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น เพราะเมทัลชีทรองรับองศาหลังคาที่ต่ำได้ถึงประมาณ 2-3 องศา จึงสามารถใช้กับหลังคาทรงโมเดิร์นหรือหลังคาแบนที่ต้องการองศาต่ำได้อย่างดี
  • รอยต่อน้อย ลดปัญหาน้ำรั่วซึม ด้วยขนาดแผ่นที่ยาวต่อเนื่อง ทำให้รอยต่อหลังคาน้อยลง จึงช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าวัสดุแบบแผ่นเล็ก
  • ราคาเข้าถึงง่าย คุ้มค่าการลงทุน เมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ อย่างกระเบื้องซีเมนต์หรือสังกะสี ราคาเมทัลชีทถือว่าประหยัดกว่าในระยะยาว นอกจากนี้การเลือกซื้อ Metal Sheet ราคาสามารถเลือกตามงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเมทัลชีทราคาเป็นแผ่น หรือราคาเมทัลชีทต่อตารางเมตร
  • มีสีและลวดลายให้เลือกหลากหลาย ปัจจุบันมีเมทัลชีทสีหลากหลาย เมทัลชีทลอนผนังราคาไม่แพง เมทัลชีท PU รวมถึงมีเมทัลชีทราคาต่อเมตรอีกด้วย
  • สะท้อนความร้อนได้ดี หลังคาเมทัลชีท กันความร้อนเข้าสู่ภายในบ้านได้ดีกว่าสังกะสีทั่วไป โดยเฉพาะรุ่นที่มีฉนวน PU Foam หรือหลังคาเมทัลชีท PU โฟม ที่มีราคาไม่แพง ช่วยกันความร้อนและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

เมทัลชีทราคาแพงไหม? ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อราคา

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและได้รับความนิยม ทำให้หลายคนสงสัยว่า เมทัลชีทราคาแพงไหม? หรือราคาหลังคาเมทัลชีทต้องใช้งบเท่าไหร่? ซึ่งราคาเมทัลชีทต่อตารางเมตรนั้น จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งประเภทของเมทัลชีทที่ใช้ รวมถึงความหนา ความยาว และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อราคา ดังนี้

ประเภทการใช้งานของเมทัลชีท (หลังคา / ผนัง / รั้ว)

เมทัลชีทนั้นมีหลากหลายแบบ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแผ่นเมทัลชีทแตกต่างกันไป โดยผู้ซื้อควรพิจารณาและเลือกตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น 

  • เมทัลชีทสำหรับหลังคา ต้องมีคุณสมบัติทนแดด ฝน และแรงลม จึงมักจะมีการเคลือบสารป้องกันสนิม (AZ) สูงๆ และมีฉนวนกันความร้อน 
  • เมทัลชีทสำหรับผนัง เน้นความสวยงามที่สีสัน และรูปลอน โดยเฉพาะหากเป็นผนังภายในก็จะส่งผลให้เมทัลชีทราคากลาง ๆ ไม่สูงเท่าเมทัลชีทหลังคาได้ โดยเมทัลชีทสามารถนำมาใช้ได้ทั้งผนังภายในและภายนอกได้
  • เมทัลชีทสำหรับรั้ว สามารถเลือกใช้ความหนาของเมทัลชีทที่บางกว่าเมทัลชีทที่ทำหลังคาได้ เพราะน้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย นอกจากนี้ยังเป็นรั้วเมทัลชีทที่ราคาเมตรละไม่แพงมาก

ความหนาของเมทัลชีท

ความหนาของแผ่นเมทัลชีทเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดราคา แผ่นที่หนากว่าจะรับแรงได้ดี ทนทานต่อแรงลมและแรงกระแทกมากกว่า แต่ก็มีราคาสูงกว่าเช่นกัน การเลือกความหนาที่เหมาะสมจะช่วยให้มีความคุ้มค่า ทั้งด้านราคาและอายุการใช้งานในระยะยาว 

รูปแบบลอน (Profile Design)

รูปแบบลอนของเมทัลชีทมีให้เลือกหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับรสนิยมและการใช้งาน โดยแต่ละแบบเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยเมทัลชีทสันลอนสูงจะเหมาะกับงานอาคารขนาดใหญ่ เพราะมีคุณสมบัติช่วยระบายน้ำได้ดี และลดปัญหาน้ำขัง ส่วนสันลอนต่ำจะเหมาะกับงานต่อเติมขนาดเล็ก เช่น กันสาดหรือโรงจอดรถ ให้ความเรียบสวยและติดตั้งง่าย ซึ่งลอนทั้งสองแบบอาจมีต้นทุนการผลิตที่ไม่เท่ากัน จึงส่งผลต่อราคาเมทัลชีท

ในส่วนลอนเหลี่ยมให้ภาพลักษณ์ทันสมัย เหมาะกับบ้านหรืออาคารสไตล์โมเดิร์น ซึ่งจะเน้นความสวยงาม แต่ก็จะมีราคาสูงกว่าแบบอื่นๆ

สีและการเคลือบผิว

เมทัลชีทที่ผ่านการเคลือบสี จะมีราคาสูงกว่าแบบไม่เคลือบสี  เนื่องจากให้ความสวยงาม ทนแดด ทนฝน และช่วยยืดอายุการใช้งานของแผ่น ตัวอย่างเช่น เมทัลชีทแบบเคลือบสีสะท้อนความร้อน หรือแบบเคลือบสีที่มีผิวสัมผัสพิเศษ เป็นต้น

แบรนด์และการรับประกัน (Brand Reputation & Warranty)

การเลือกซื้อเมทัลชีทให้ตอบโจทย์ในระยะยาว ควรซื้อจากแบรนด์ที่มีมาตรฐานการผลิตสูง ผ่านการทดสอบความทนทาน เนื่องจากแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ จะมีการรับประกันยาวนาน 15-35 ปี แม้ว่าในด้านราคาอาจสูงกว่าแบรนด์ทั่วไป แต่ให้ความมั่นใจในด้านคุณภาพ อายุการใช้งาน และบริการหลังการขายที่ดีกว่า นอกจากนี้การเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ยังช่วยลดความเสี่ยงในการซ่อมแซมในอนาคต และทำให้การลงทุนในระยะยาวคุ้มค่ามากขึ้น

 

เมทัลชีทแต่ละแบบราคาเท่าไหร่?

แผ่นเมทัลชีท เป็นวัสดุมุงหลังคาและผนังที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และมีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ซึ่งแต่ละขนาดก็ทำให้เมทัลชีทราคาแตกต่างกันไป ตามยี่ห้อ รูปลอน และความหนา ดังนี้

เมทัลชีทหนา 0.23 – 0.28 มม.

เมทัลชีทขนาดนี้เหมาะสำหรับหลังคาขนาดเล็ก หรือที่พักอาศัยชั่วคราว เช่น รั้วกั้นพื้นที่ หรือหลังคาชั่วคราว ราคาประหยัด ติดตั้งง่าย
ราคา : เมตรละประมาณ 120 – 145 บาท

เมทัลชีทหนา 0.30 – 0.35 มม.

เหมาะกับหลังคาบ้านทั่วไป โรงรถ กันสาด หรือผนังรั้วบ้าน ให้ความแข็งแรงปานกลาง สามารถใช้กับงานต่อเติมบ้านและอาคารขนาดเล็ก

ราคา:  เมตรละประมาณ 140 – 165 บาท

เมทัลชีทหนา 0.35 – 0.40 มม.

เหมาะกับอาคารขนาดกลางหรือโรงงานขนาดเล็ก รองรับโครงสร้างได้มากขึ้น และเหมาะกับหลังคาหรือผนังที่ต้องการความแข็งแรงเพิ่ม

ราคา:  เมตรละประมาณ 160 – 185 บาท

เมทัลชีทหนา 0.40 – 0.47 มม.

เหมาะกับงานอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ ต้องการความแข็งแรงสูง ลดเสียงรบกวน และทนต่อการใช้งานหนัก

ราคา:  เมตรละประมาณ 185 – 200 บาท

เมทัลชีทหนา 0.47 มม. ขึ้นไป

เหมาะกับงานหลังคาโรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่ที่ต้องการโครงสร้างแข็งแรงพิเศษ รองรับน้ำหนักมากและงานหนัก

เมตรละประมาณ 280 – 300 บาท

*หมายเหตุ: เป็นราคาอ้างอิงจากเมทัลชีทบลูสโคป แซคส์ คูล ลอนมาตรฐาน เท่านั้น ซึ่งราคาเมทัลชีทมีความหลากหลาย อาจจะแตกต่างกันตามพื้นที่ ตัวแทนจัดจำหน่าย และรูปลอน จึงแนะนำให้ตรวจสอบกับร้านเมทัลชีท ใกล้บ้านอีกครั้ง

 

วิธีเลือกเมทัลชีทสำหรับงานก่อสร้าง มีอะไรบ้าง?

การเลือกเมทัลชีท

การเลือกเมทัลชีท ไม่ว่าจะเป็นใช้เพื่อสร้างหลังคา ผนัง หรือรั้ว จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเมทัลชีทราคาแพงหรือถูกเท่านั้น แต่เพื่อให้คุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุด ทั้งในแง่ของความทนทาน อายุการใช้งาน และงบประมาณ โดยข้อควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อเมทัลชีท มีดังนี้

เลือกจากความหนาและปริมาณของการเคลือบป้องกันสนิม (AZ)

ความหนาของแผ่นเมทัลชีทเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความแข็งแรงและเสียง ยิ่งแผ่นหนามากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถรับแรงกระแทกและแรงลมได้ดี ไม่บิดงอง่าย และลดของเสียงตกกระทบได้มากขึ้น

 

ส่วนปริมาณของการเคลือบป้องกันสนิม (AZ) สีหลังคาเมทัลชีทก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยเมทัลชีทที่เคลือบอลูมิเนียมผสมสังกะสี 55% ได้ดี ยิ่งมีประมาณสารเคลือบมาก อย่าง AZ90 จะทนต่อการกัดกร่อน ได้ดี อายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเคลือบสีเพิ่มความสวยงาม เคลือบสะท้อนความร้อน เป็นต้น

เลือกจากประเภทงาน (หลังคา ผนัง หรือรั้ว)

เมทัลชีทแต่ละประเภทออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน การเลือกเมทัลชีทให้เหมาะกับประเภทงาน จะช่วยให้โครงสร้างมีความแข็งแรงและดูสวยงามยิ่งขึ้น เช่น 

  • หลังคา ควรเลือกเมทัลชีทที่สะท้อนความร้อน เคลือบสารกันสนิม และมีลอนที่ช่วยระบายน้ำได้ดี
  • ผนัง ใช้เมทัลชีทที่มีผิวเรียบหรือเคลือบสีเพื่อความสวยงาม และติดตั้งง่าย
  • รั้ว นิยมใช้เมทัลชีทแบบลอนต่ำ หรือแบบเคลือบสีด้านเพื่อความกลมกลืน ทนแดดทนฝน

เลือกจากงบประมาณและความทนทานที่ต้องการ

เมทัลชีทมีหลายเกรดและหลายราคา ควรเข้าใจถึงความต่างของวัสดุและขนาดที่มีราคาต่างกัน เช่น เมทัลชีท PU Foam ราคาเท่าไหร่หากซื้อเป็นเมตร รั้วเมทัลชีทราคาเมตรละเท่าไหร่ รวมถึงศึกษาค่าแรงมุงหลังคาเมทัลชีท นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับวัสดุและเทคโนโลยีการผลิต หากต้องการความคงทนในระยะยาว ควรเลือกเมทัลชีทที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม มีการรับรองคุณภาพจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ ถึงแม้ราคาจะสูงกว่าเล็กน้อย แต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมแซมในอนาคตได้

 

เมทัลชีทราคาไม่แพงเสมอไป หากเลือกตรงความต้องการ

การเลือกเมทัลชีทให้ตอบโจทย์การใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรศึกษาถึงเมทัลชีทราคาแต่ละประเภทที่ต่างกัน รวมถึง ขนาด, ความหนา, การเคลือบ และการใช้งาน เพื่อให้สามารถกำหนดงบประมาณได้อย่างถูกต้อง และตรงตามความต้องการ 

 

หากใครที่กำลังมองหาเมทัลชีทคุณภาพ ราคาคุ้มค่า และมาจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ขอแนะนำ ซื้อร้านเมทัลชีท ต้องซื้อที่ศูนย์เมทัลชีท บลูสโคป ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ผู้นำด้านเหล็กเคลือบโลหะและเหล็กเคลือบสีคุณภาพสูงจากออสเตรเลีย เรามีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับความสวยงาม และความแข็งแรงของอาคารให้ยาวนานกว่าที่เคย

 

หากใครที่สนใจซื้อเมทัลชีทกับผู้นำด้านเหล็กเคลือบโลหะและเหล็กเคลือบสีคุณภาพสูง สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้หลากหลายช่องทางของ ศูนย์เมทัลชีท บลูสโคป ดังนี้

Website : ศูนย์เมทัลชีทบลูสโคป

Line : @bluescopeth

FB : BlueScope Thailand

Call center : 02-333-3030

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

จะใช้เมทัลชีท ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

การเลือกเมทัลชีทไม่ได้ดูแค่เมทัลชีทราคาเท่าไหร่ หรือเลือกจากความหนาของเมทัลชีทเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงหลายองค์ประกอบร่วมกัน ได้แก่ การรับประกันสินค้า แบรนด์สินค้า ปริมาณสารเคลือบ สี รูปลอน และฉนวนกันความร้อน เช่น หลังคาเมทัลชีทที่มีรับประกัน 15 ปี ติด  PU โฟมที่ราคาไม่แพงเกินไป หรือฉนวนใยแก้ว (Glasswool) ที่ช่วยกันเสียงและความร้อน และปริมาณที่ต้องการใช้ โดยคำนวณเป็นตารางเมตรเพื่อป้องกันการสั่งเกินหรือน้อยเกินไป 

สำหรับบ้านพักอาศัย ควรใช้หลังคาเมทัลชีทความหนาเท่าไหร่?

สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป ควรเลือกเมทัลชีทที่มีความหนาอยู่ที่ 0.35 มิลลิเมตร เพราะมีความสมดุลระหว่างน้ำหนัก ความแข็งแรงและราคา โดยเมทัลชีทบลูสโคปแซคส์ หนา 0.35 ราคาเริ่มต้นประมาณ 150 บาทต่อเมตร หากต้องการเพิ่มความทนทานต่อแรงลม หรือใช้ในพื้นที่ที่มีฝนตกหนัก ควรเลือกความหนา 0.40 มิลลิเมตรขึ้นไป หากต้องการลดความร้อน ควรเลือกเมทัลชีทเคลือบสีอ่อน หรือแบบเคลือบสะท้อนความร้อน เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน