เมทัลชีทที่ดีกว่า ความแตกต่าง ที่คุณ ‘เลือกเองได้’ เพื่อความสบายใจระยะยาว
‘บ้าน’ หรือ ‘สิ่งปลูกสร้าง’ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำกันบ่อยๆ ยิ่งเป็นการลงทุนในการก่อสร้างทุกคนย่อมหวังว่าการจ่ายเงินครั้งเดียวจะทำให้เรามีพื้นที่แสนสบายอยู่ได้ยาวๆ แต่ความจริงแล้ว ‘ค่าความเสื่อม’ และ ‘ค่าการจัดการ’ ยังคงเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้เรื่อยๆ สำหรับบ้านทุกหลัง
เมทัลชีท คืออะไร
‘เมทัลชีท’ เกิดจากการนำเหล็กแผ่นบางมารีดร้อน แล้วเคลือบป้องกันสนิมด้วยสารเคลือบโลหะ เพื่อนำมาใช้เป็นแผ่นหลังคาหรือวัสดุปิดผิวอาคาร นิยมรีดลอนเป็นร่องเพื่อความสวยงาม แข็งแรง และช่วยในการระบายน้ำ มีการทำสีเคลือบผิวเพิ่มความงาม ซึ่งมีหลากหลายสีสันให้เลือกใช้
ปัจจุบัน ‘เมทัลชีท’ มีมากมายหลายรูปแบบ และเป็นอีกวัสดุที่ค่อนข้างนิยมนำมาใช้ในการก่อสร้าง เนื่องจากทำงานได้ง่าย เร็ว สวย และแข็งแรง ในการเลือกใช้เจ้าของบ้านควรพิจารณาข้อมูลทั้งจากทางผู้รับเหมา ผู้ออกแบบ และสืบค้นข้อมูลด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้ข้อมามูลเปรียบเทียบในการตัดสินใจ เพราะวัสดุประเภทนี้มีความนิยมสูง จึงมีแหล่งผลิตจากหลายที่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีราคาที่ต่างกัน ซึ่งในความต่างนี้เมื่อเทียบกับคุณภาพและโอกาสที่เจ้าของบ้านจะต้องมีค่าใช้จ่ายภายหลัง จาก ‘ค่าความเสื่อม’ และ ‘ค่าการจัดการ’ เราอาจประเมินและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้เราสบายกระเป๋าในระยะยาว แทนที่จะเสียดายค่าใช้จ่ายที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยในการเริ่มต้น
ประเภทของเมทัลชีท
-
แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี (Zn)
จุดเริ่มต้นของแผ่นเหล็กเคลือบ เกิดจากการนำแผ่นเหล็กที่มีความแข็งแรงมาใช้เป็นหลังคาหรือวัสดุปิดผิวอาคาร โดยใช้โลหะสังกะสีชุบเคลือบผิวแผ่นเหล็กเพื่อป้องกันการผุกร่อน การเกิดสนิม และยืดอายุการใช้งาน วัสดุที่ได้นี้เราคุ้นเคยกันในชื่อ ‘แผ่นสังกะสี’ หรือ Galvanized Steel (GI) ซึ่งใช้กันแพร่หลายตั้งแต่ช่วงปี 1840s เป็นต้นมา จนถึงปี 1910s จึงเริ่มมีการทาสีที่แผ่น GI เรียกว่า แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี เคลือบสี หรือ PPGI (Pre-painted Galvanized Steel)
-
แผ่นเหล็กเคลือบอะลูมิเนียมสังกะสี (Al-Zn)
พัฒนาการของแผ่นเหล็กเคลือบ ในอีก60 ปีต่อมา (ช่วงปี 1970s) ผู้ผลิตเหล็กจากออสเตรเลีย คือ BHP Steel หรือ บลูสโคป ในปัจจุบัน ได้คิดค้นสารเคลือบโลหะที่เพิ่มอะลูมิเนียมเข้าไปในปริมาณ 50-60% ทำให้เกิดสารเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีที่ช่วยต้านทานการเกิดสนิมได้ดีกว่าเดิมถึง 4 เท่า เมื่อติดตั้งในส่วนของงานหลังคาหรือผนังภายนอกจึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและไม่ต้องบำรุงรักษามากเนื่องจากวัสดุมีความทนทานสูง เรียกแผ่นเหล็กเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีนี้ว่า Galvalume (GL) และเมื่อมีการทำสีเคลือบภายนอกอีกชั้นจึงเรียกเป็น เหล็กแผ่นเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีเคลือบสี หรือ PPGL (Pre-painted Galvalume)
-
แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีอะลูมิเนียมแมกนีเซียม (Zn-Al-Mg)
และนวัตกรมล่าสุดของ ‘เมทัลชีท’ คือการใช้ธาตุสังกะสี อะลูมิเนียม และแมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบในสารโลหะเคลือบผิวแผ่นเหล็ก การเพิ่มแมกนีเซียมเข้าไปไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวเคลือบมีความเสถียรมากขึ้นแต่องค์ประกอบของแมกนีเซียมยังสามารถไหลมาปิดช่องว่างที่เกิดจากการขูดขีดหรือรอยตัดได้ หรือก็คือสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ในสภาวะต่างๆ เหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร ที่ทนต่อความเป็นด่าง และความชื้นสะสม นวัตกรรมนี้คิดค้นโดยบริษัทนิปปอนสตีลประเทศญี่ปุ่น เริ่มมีการผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2545 และปัจจุบันได้มีการถ่ายทอดและผลิตในบ้านเรา โดย เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย)
ข้อดีของเมทัลชีทที่เคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี
จากนวัตกรรมแผ่นเหล็กเคลือบโลหะที่มีอยู่ในปัจจุบัน หากมองเรื่องการใช้งานระยะยาว จะเห็นว่า ‘เมทัลชีทเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี’ เป็นทางเลือกที่ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับการนำมาใช้ในการก่อสร้างตัวอาคาร การทำงานของสารโลหะที่ช่วยป้องกันการผุกร่อนของแผ่น ‘เมทัลชีท’ ประเภทนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีแบบเดิมที่ใช้สังกะสีเป็นตัวช่วยป้องกันการเกิดสนิมจากรอยขีดข่วนและขอบตัดให้กับแผ่นเหล็กด้านใน เมื่อมีอะลูมิเนียมเพิ่มเข้ามาทำหน้าที่เป็นฟิล์มสร้างเกราะป้องกันการกัดกร่อนบนชั้นผิวจากสภาพแวดล้อม จึงทำให้สามารถป้องกันการกัดกร่อนของสนิมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจากภาพจำลองการทดสอบด้วยระยะเวลา 17 ปีจะเห็นว่า สังกะสี 100% จะเกิดการผุกร่อนรวดเร็ว ขณะที่อะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีจะทนทานต่อการผุกร่อนได้มากที่สุด
ทำไมต้องเลือกเมทัลชีท บลูสโคป แซคส์®
บลูสโคป แซคส์® (BlueScope Zacs® Steel) หลังคาเมทัลชีทที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีจากออสเตรเลีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วยังมีความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน รับประกันสูงสุดถึง 12 ปี ด้วยความมั่นใจในแผ่นเมทัลชีทซึ่งเป็น ‘เหล็กแผ่นเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี’ ที่ควบคุมการผลิตตามมาตรฐานระดับสากล ผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก. 2228-2559 / มอก.2753-2559 โดยอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีที่เคลือบบนแผ่นซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการกัดกร่อนจากสนิม มีความทนทานมากกว่าเหล็กเคลือบสังกะสีถึง 4 เท่า ทำให้วัสดุมีความคงทนและแข็งแรง ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย มั่นใจได้ในการใช้งานระยะยาว