เมทัลชีทคืออะไร? วัสดุทำหลังคาทนทานที่ทั้งแข็งแรง สวย และติดตั้งง่าย

การสร้างบ้านหรือการปรับปรุงต่อเติมในแต่ละครั้ง ไม่ได้มีเพียงดีไซน์ที่ต้องตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยเท่านั้น แต่การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะวัสดุมุงหลังคา ซึ่งเป็นด่านแรกที่ต้องรับมือกับทั้งแสงแดด ลม และฝน วัสดุที่ดีไม่เพียงช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวได้อีกด้วย
หนึ่งในวัสดุยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งความแข็งแรง ทนทาน และสวยงามคือ เมทัลชีท วัสดุทำหลังคาสมัยใหม่ที่หลายบ้านเลือกใช้มากขึ้นในปัจจุบัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเมทัลชีทให้มากขึ้นว่าคืออะไร มีข้อดีอย่างไร แตกต่างจากวัสดุแบบอื่นตรงไหน และเหมาะกับบ้านแบบใดบ้าง
เมทัลชีทคืออะไร?

แผ่นเมทัลชีท (Metal Sheet) คือ แผ่นโลหะซึ่งมีลักษณะเรียบแบน และมักจะเคลือบสารกันสนิมหรือเคลือบสีเพื่อเพิ่มความทนทาน ก่อนนำไปรีดลอนหรือขึ้นรูปตามการใช้งาน
ประเภทที่นิยมใช้
- แผ่นเมทัลชีทเคลือบสี (Color Coated Sheet) – ผลิตจากแผ่นเหล็กเคลือบโลหะอลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี ก่อนเคลือบด้วยชั้นประสานโลหะและสีคุณภาพสูง ทำให้สีติดแน่นไม่หลุดลอกง่าย ป้องกันการกัดกร่อนได้ดีกว่าเมทัลชีทธรรมดาถึง 4 เท่า ช่วยยืดอายุการใช้งานและกันความร้อนได้ดีกว่า เหมาะสำหรับหลังคาบ้าน ผนังอาคาร และงานตกแต่งที่ต้องการความสวยงามทนทาน
- แผ่นเมทัลชีทไม่เคลือบสี – เป็นแผ่นเมทัลชีทประเภทนี้มีความทนสนิมในระดับหนึ่ง เหมาะกับงานชั่วคราว หรืองานที่ไม่ต้องการความสวยงามเป็นพิเศษ แม้จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบเคลือบสี แต่ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับงานทั่วไป
ลอนเมทัลชีทรูปแบบต่าง ๆ
ปัจจุบันร้านเมทัลชีทจำหน่ายแผ่นเมทัลชีทหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะของลอน (รูปลอน) ได้ดังนี้
หลังคาเมทัลชีทลอนมาตรฐาน 760

เมทัลชีทลอนมาตรฐานเป็นรุ่นที่ใช้แพร่หลายที่สุด โครงสร้างแข็งแรงและซ้อนทับได้แน่นหนา ความกว้างของแผ่นไม่ต่ำกว่า 760 มม. มี 5 สันลอนสูง 24 มม. พร้อมร่องเสริมเพิ่มความมั่นคง เหมาะสำหรับหลังคาบ้าน โรงจอดรถ หรืออาคารอเนกประสงค์ ติดตั้งง่าย ประหยัดเวลา และคุ้มค่าราคา
หลังคาเมทัลชีทลอนสเปน

แผ่นเมทัลชีทลอนสเปนผลิตจากเหล็กคุณภาพ เคลือบอลูซิงค์เพิ่มความทนทาน รูปลอนโค้งมนให้ความรู้สึกหรูหราและคลาสสิก คล้ายกระเบื้องหลังคาแบบดั้งเดิม เหมาะกับบ้านพัก อาคารสำนักงาน หรือร้านค้าที่ต้องการดีไซน์โดดเด่น ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา และดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก
เมทัลชีทลอนสแน็ปล็อค (Snap lock)

เมทัลชีทลอนสแน็ปล็อค (Snap Lock) เป็นลอนยอดนิยมที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูและทันสมัย เหมาะกับอาคารสไตล์โมเดิร์น (Modern) และนอร์ดิก (Nordic) ด้วยดีไซน์ลอนเรียบที่ให้เส้นสายคมชัด ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวอาคาร จึงมักเห็นการใช้งานในบ้านพักอาศัย คาเฟ่ ร้านอาหาร รีสอร์ท หรือออฟฟิศที่ต้องการความโดดเด่นมีสไตล์ สามารถติดตั้งได้ทั้ง งานหลังคา (Roofing) และ งานผนัง (Siding) รวมถึง ฝ้าเพดาน (Ceiling) อีกทั้งยังสามารถผลิตแบบ ติดฉนวน PE หรือ PU เพื่อช่วยลดความร้อนและเสียงรบกวนได้อีกด้วย
เมทัลชีทลอนฝ้า

เมทัลชีทประเภทนี้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงานฝ้าและผนังอาคาร ด้วยดีไซน์เรียบสวย เส้นลอนต่ำเพียง 2 มม. ให้ความรู้สึกทันสมัยและเป็นระเบียบ ตัวแผ่นมีความกว้าง 860 มม. และมีทั้งหมด 14 สันลอน รีดขึ้นรูปอย่างประณีต เพื่อความเรียบเนียนและติดตั้งง่าย
เนื่องจากลอนฝ้าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับน้ำฝน จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นหลังคา แต่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ งานฝ้าเพดาน ผนังภายใน-ภายนอก และงานตกแต่งอาคารที่ต้องการความเรียบหรู แข็งแรง และสวยงามในระยะยาว
เมทัลชีท VS กระเบื้อง
เมทัลชีทมีจุดเด่นที่ความแข็งแรงทนทาน ผสานกับประสิทธิภาพของนวัตกรรมของสารเคลือบที่ช่วยป้องกันสนิมและการผุกร่อนได้ดี ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าและเป็นที่นิยมมากกว่าหลังคากระเบื้องทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งความแตกต่างของเมทัลชีทและกระเบื้อง สามารถสรุปเป็นตารางได้ดังนี้
| คุณสมบัติ | เมทัลชีท (Metal Sheet) | กระเบื้อง (Tile) |
| วัสดุ | ทำจากเหล็กหรือโลหะผสม เคลือบสารกันสนิม/เคลือบสี | ผลิตจากคอนกรีต หรือ ดินเผา ผ่านการเผาแข็งและเคลือบสี |
| ความแข็งแรง | เบา และแข็งแรงกว่า ทนแรงกดทับและลมได้ดี | หนัก แข็งแรงแต่เปราะ หากรับแรงกระแทกสูงอาจแตกได้ |
| การติดตั้ง | ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว เพราะมีน้ำหนักเบา | ติดตั้งที่ซับซ้อนกว่าเมทัลชีท เพราะเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักมาก |
| อายุการใช้งาน | 20-30 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพการเคลือบและวัสดุ | สามารถใช้งานได้มากกว่า 10 ปีขึ้นไป แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพ รวมถึงต้องดูแลการรั่วซึมและตะไคร่ |
| การป้องกันความร้อนและเสียง | สามารถเลือกแบบติดฉนวน (PU/PE Foam) ลดความร้อนและเสียงได้ | กระเบื้องหนา ป้องกันความร้อนได้ดีตามธรรมชาติ แต่กันเสียงได้น้อย |
เมทัลชีทติดตั้งอย่างไร?

ปัจจุบันมาตรฐานการติดตั้งแผ่นหลังคาเมทัลชีทมีด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังนี้
- Bolt System หรือ ระบบติดตั้งแบบยิงสกรู ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะติดตั้งง่าย ใช้เพียงสกรูยิงยึดหลังคาเมทัลชีทกับโครงสร้างหลังคาหรือแป เช่น เมทัลชีทรูปลอนมาตรฐาน 760 โดยความกว้างของแผ่นเมทัลชีทอยู่ที่ 760 มม. มี 5 สันลอน และความสูงของลอนอยู่ที่ 24 มม.
- Boltless System หรือ ระบบติดตั้งแบบไม่ใช้สกรู เป็นวิธีติดตั้งที่ใช้ขายึดหรือคลิปล็อกยึดแผ่นเมทัลชีทกับโครงสร้าง แทนการยิงสกรูลงบนแผ่นโดยตรง เช่น เมทัลชีทรูปลอนแบบคลิปล็อก ซึ่งมีข้อดีคือลดปัญหารั่วซึมและระบายน้ำได้ดีกว่า อีกทั้งสามารถติดตั้งบนหลังคาที่มี Slope ต่ำได้อีกด้วย
เมทัลชีทดีอย่างไร มีข้อเสียอะไรไหม?
แผ่นเมทัลชีทเป็นวัสดุในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ด้วยข้อดีต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาบางจุด ดังนี้
ข้อดี
- น้ำหนักเบา ลดภาระโครงสร้างและค่าใช้จ่ายในการตอกเสาเข็ม
- ติดตั้งง่าย ช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง
- ดีไซน์หลากหลาย แบบหลังคาเมทัลชีทสวย ๆ มีให้เลือกหลากหลาย เข้ากับวัสดุและสไตล์ต่าง ๆ ได้ดี
- กันรั่วซึม รีดแผ่นยาวได้ ช่วยลดรอยต่อและการรั่วไหล
- สีหลังคาเมทัลชีทมีหลากหลาย เลือกได้ตามความต้องการและลักษณะการใช้งาน
ข้อเสีย
- ขนาดและราคาแผ่นเมทัลชีทมีหลากหลาย จึงตรวจสอบยาก แนะนำให้เลือกจากร้านที่น่าเชื่อถือและมีรับประกัน
- กันเสียงได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะแผ่นบาง แต่หากติดฉนวนจะช่วยลดเสียงและควบคุมอุณหภูมิได้
- การระบายน้ำขึ้นกับลอนและความลาดชัน หากเลือกไม่เหมาะสม อาจเกิดปัญหาได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนติดตั้ง
- ต้องใช้ช่างชำนาญ เพราะแผ่นบางเพียง 0.3-0.4 มม. หากติดตั้งผิดอาจเสียหายได้ง่าย
- เสี่ยงพายุพัด หากติดตั้งไม่ดี ด้วยความที่น้ำหนักเบา อาจทำให้หลุดหรือเสียหายได้ จึงควรติดตั้งโดยช่างผู้มีความชำนาญเท่านั้น
เมทัลชีทเหมาะกับงานประเภทใดบ้าง?
เมทัลชีทเป็นวัสดุที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างได้หลากหลาย เพราะมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ติดตั้งง่าย และเลือกดีไซน์ได้ตามต้องการ จึงถูกนำไปใช้งานทั้งด้านโครงสร้างและการตกแต่ง ดังนี้
-
- หลังคาเมทัลชีท : นิยมใช้กับหลังคาโรงรถ บ้านพักอาศัย โรงงาน โกดัง หรืออาคารพาณิชย์ เพราะทนทานและติดตั้งเร็ว
- กันสาด : กันสาดเมทัลชีทเหมาะกับการทำกันสาดโรงจอดรถ กันสาดบ้าน และพื้นที่ต่อเติม เนื่องจากน้ำหนักเบา และไม่ต้องใช้โครงสร้างหนัก
- รั้ว : สามารถใช้ทำรั้วบ้าน รั้วโรงงาน หรือพื้นที่กั้นเขตได้ เพราะรั้วเมทัลชีทมีความแข็งแรงและติดตั้งได้รวดเร็ว
- เมทัลชีทลอนผนัง : การใช้ผนังเมทัลชีทแทนผนังอิฐฉาบปูน ช่วยลดน้ำหนักของตัวอาคาร และให้ดีไซน์สวยทันสมัย
- ฝ้าเมทัลชีท : มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกหรือเชื้อรา
- ระแนง : เมทัลชีทสามารถใช้ทำระแนงบังแดด บังตา หรือเป็นฟาซาดตกแต่งอาคาร ซึ่งให้ทั้งความสวยงามและฟังก์ชันบังแสง เพิ่มความเป็นส่วนตัว
- โรงเรือนเกษตร / โกดังสินค้า : นิยมใช้เมทัลชีทเพราะสามารถรีดแผ่นยาว ลดรอยต่อ กันฝน กันแดดได้ดี
เมทัลชีทช่วยให้บ้านเย็นขึ้นได้อย่างไร?
โดยปกติแล้ว เมทัลชีททั่วๆไป จะไม่มีมีเทคโนโลยีสะท้อนความร้อน แต่บลูสโคป แซคส์ มี Technology สะท้อนรังสีความร้อนจากอาทิตย์ (Solar IR reflective) ที่สามารถสะท้อนความร้อนได้หลังคากันความร้อนเมทัลชีทช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีคุณสมบัติสำคัญต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้น ดังต่อไปนี้
- การเคลือบสีพิเศษ : เมทัลชีทบางยี่ห้อ อย่าง บลูสโคป แซคส์ มี Cool Coating Technology ที่เป็นนวัตกรรมโมเลกุลเม็ดสีสูตรพิเศษ ที่ถูกผสมลงในเนื้อสีที่จะช่วยสะท้อนความร้อนออกไปบางส่วนก่อนที่ความร้อนจะเข้าสู่ตัวบ้าน จึงลดการดูดซับความร้อนได้เมทัลชีททั่วๆไป นั่นเอง
- ช่องว่างเพื่อระบายอากาศ : การติดตั้งโดยเว้นระยะห่างระหว่างแผ่นหลังคากับโครงสร้าง ช่วยให้อากาศหมุนเวียนและระบายความร้อนได้ดีกว่า
- การเสริมฉนวนกันความร้อน : หลังคาเมทัลชีทบางชนิดอย่าง หลังคาเมทัลชีท PU หรือ PE Foam มีการติดฉนวนกันความร้อนเพิ่มเติม ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิและลดเสียงรบกวนได้ แต่ก็แลกมากับราคาที่แพงมากขึ้น
- สีหลังคามีผลโดยตรง : โทนสีอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือเทาอ่อน จะสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าสีเข้ม
- รูปแบบลอนและองศาหลังคา : หากเลือกความสูงของลอนและความลาดชันที่เหมาะสม จะช่วยให้น้ำฝนระบายได้ดีและลดการสะสมความร้อนในเวลาเดียวกัน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ หลังคาเมทัลชีท BlueScope Zacs® จึงช่วยให้บ้านเย็นขึ้นสูงสุดถึง 4 องศา โดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน ถือเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และลดการใช้พลังงานได้อีกด้วย
3 วิธีการเลือกหลังคาเมทัลชีท ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

การเลือกแผ่นเมทัลชีทที่เหมาะสมไม่ควรมองเพียงเรื่องสีหรือความสวยงามเท่านั้น แต่ควรพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง ความหนาของแผ่น การเคลือบกันสนิม สีสะท้อนความร้อน รูปแบบลอน และวิธีติดตั้ง เพื่อให้หลังคามีความแข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
โดยทั่วไป ความหนาของเมทัลชีทที่แนะนำมีดังนี้
- 0.23–0.28 มม. เหมาะสำหรับงานชั่วคราว เช่น รั้วกั้นพื้นที่ หรือหลังคาชั่วคราว
- 0.30–0.35 มม. ใช้กับหลังคาบ้านขนาดเล็ก กันสาด หรือโรงเลี้ยงสัตว์
- 0.35–0.40 มม. เหมาะสำหรับอาคารทั่วไป โรงงานขนาดเล็กถึงกลาง หรือผนังอาคาร
- 0.40–0.47 มม. ใช้กับบ้านหลังใหญ่ อาคารขนาดกลางถึงใหญ่ หรืองานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
- 0.47 มม. ขึ้นไป เหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารขนาดใหญ่ ที่ต้องการลดเสียงรบกวนและเพิ่มความทนทานสูงสุด
1. ปริมาณของสารเคลือบป้องกันสนิม AZ (AluZinc)
เมทัลชีทที่เคลือบ AluZinc (AZ) จะช่วยเพิ่มความทนทานต่อสนิมและการกัดกร่อน แนะนำให้เลือกแผ่นที่มีการเคลือบเหมาะสม เช่น BlueScope ZACS ที่มีปริมาณของสารเคลือบป้องกันสนิม AZ90 เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัย ยิ่งมีประมาณสารเคลือบมาก อย่าง AZ90 จะทนต่อการกัดกร่อน ได้ดี อายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น ซึ่งให้ความคุ้มค่าในเรื่องอายุการใช้งาน
2. สีของเมทัลชีท
สีของหลังคาส่งผลต่อความร้อนที่เข้าสู่บ้าน หากต้องการบ้านเย็น ควรเลือก สีอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือเทาอ่อน เพราะสามารถสะท้อนความร้อนดีกว่าสีเข้ม
3. รูปลอน
ข้อดีของเมทัลชีทคือมีรูปแบบลอนหลากหลาย ทั้งแบบลอนสูง ลอนคู่ ลอนพาเนล หรือแบบลอนสเปน
- การติดตั้งตามองศา เช่น ระบบยิงสกรู แนะนำองศาขั้นต่ำ 5 องศา และระบบ Botless ต่ำสุด 2 – 3 องศา
- การติดตั้งที่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานอาจทำให้เกิด น้ำไหลย้อน หรือรั่วซึมบริเวณรอยต่อ
- การเลือกลอนและความลาดเอียงควรพิจารณาประเภทลอน ระบบติดตั้ง และความสวยงามของหลังคา
เมทัลชีทคุณภาพดี เลือกยังไงให้ใช้งานได้นาน?
การเลือกเมทัลชีทให้เหมาะสมไม่เพียงแค่ดูจากสีหรือรูปแบบลอนเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งเรื่องความหนาของแผ่น คุณภาพของการเคลือบ การรับประกัน และความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต เพื่อให้ได้หลังคาที่สวยงาม แข็งแรง และใช้งานได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว
1. เลือกความหนาให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ความหนาของเมทัลชีทส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งาน แผ่นบาง (0.23 – 0.28 มม.) เหมาะกับงานชั่วคราวหรือรั้วกั้นพื้นที่ ส่วนแผ่นหนา (0.35 มม. ขึ้นไป) เหมาะกับบ้านพักอาศัยทั่วไป ดังนั้น ควรเลือกให้เหมาะกับลักษณะงานและโครงสร้าง เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัย
2. เลือกที่มีการรับประกัน
เมทัลชีทคุณภาพควรมาพร้อมการรับประกัน ทั้งในด้านการผุกร่อนและการซีดจางของสี เพื่อความมั่นใจในความทนทานและการใช้งานระยะยาว ควรตรวจสอบรายละเอียดการรับประกันจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
3. เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
ควรเลือกเมทัลชีทจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐานทั้งมาตรฐานไทย และมาตรฐานสากล เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย โดยเฉพาะแบรนด์ที่มี มาตรฐานด้านคุณภาพที่เหนือกว่าข้อกำหนดตามมาตรฐาน มอก. และเป็นมาตรฐานระดับโลก โดยเฉพาะเมทัลชีทที่มีชั้นเคลือบกันสนิม (AZ90) ที่ช่วยป้องกันสนิมและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าทั่วไป
4. เลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ
เพื่อให้ได้เมทัลชีทที่ได้คุณภาพ ควรเลือกซื้อจากร้านค้าหรือศูนย์จำหน่ายที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของผู้ผลิต เพื่อให้ได้ของแท้ มีรับประกัน พร้อมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ ทั้งการ เลือกประเภท ความหนา และการติดตั้งให้เหมาะสมกับหน้างานจริง
การเลือกเมทัลชีทที่ดีคือการพิจารณาทั้งด้านโครงสร้าง คุณภาพ และแหล่งจำหน่ายอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้หลังคาที่แข็งแรงและใช้งานได้อย่างยาวนาน และหากต้องการมั่นใจในมาตรฐานระดับโลก เมทัลชีทที่ผ่านกระบวนการผลิตและเคลือบคุณภาพสูงจาก บลูสโคป แซคส์® คูล คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความทนทานและความสวยงามในระยะยาว
เมทัลชีท เกรดพรีเมี่ยม การันตีคุณภาพ ต้องบลูสโคป แซคส์® คูล
บลูสโคป แซคส์® คูล แผ่นเมทัลชีทเกรดคุณภาพ ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและความทนทาน พร้อมการรับประกันไม่ผุกร่อนนานถึง 15 ปี และสีไม่ซีดจาง 8 ปีเต็ม มั่นใจได้ว่าอาคารจะดูใหม่และแข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งยังปริมาณของการเคลือบป้องกันสนิม ที่ AZ90 ซึ่งคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน มอก. พร้อมด้วยเทคโนโลยี Cool Coating ที่ช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้บ้านเย็นกว่าหลังคาทั่วไปสูงสุดถึง 4 องศา เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
เมทัลชีท ตัวช่วยลดความร้อนและเสียงรบกวนที่ทุกบ้านต้องมี
สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยให้บ้านเย็น ราคาคุ้มค่า แผ่นเมทัลชีทบลูสโคป แซคส์ คือคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าต้องการทั้งความสวยงามและความทนทาน แผ่นเมทัลชีทจากบลูสโคป แซคส์ เป็นวัสดุคุณภาพเหนือมาตรฐาน มอก. ที่มาพร้อมการปกป้องที่เหนือกว่า รับประกันไม่ผุกร่อน 15 ปี สีไม่ซีดจาง 8 ปี และมีเทคโนโลยี Cool Coating ช่วยสะท้อนความร้อน เปลี่ยนบ้านให้เย็นสบาย น่าอยู่ ในราคาสุดคุ้มค่า หากสนใจซื้อเมทัลชีท ต้องซื้อที่ศูนย์เมทัลชีท บลูสโคป ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Website : ศูนย์เมทัลชีทบลูสโคป
Line : @bluescopeth
FB : BlueScope Thailand
Call center : 02-333-3030
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
หลังคาเมทัลชีทใช้งานได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 20 ปี ขึ้นอยู่กับความหนา การเคลือบผิว และการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน
หลังคาเมทัลชีทเสียงดังเวลาโดนฝนไหม?
ถ้าเป็นแผ่นธรรมดาจะมีเสียงดังขณะฝนตก แต่หากเลือกแบบเสริมฉนวนกันความร้อนหรือกันเสียง จะช่วยลดเสียงรบกวนได้