เลือกหน้า

หลังคาเมทัลชีท มีกี่แบบ? เรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อหลังคาดีมีคุณภาพ

หลังคาเมทัลชีทมีกี่แบบ และความหนาเมทัลชีทต้องเลือกอย่างไร

ชวนทำความรู้จัก “เมทัลชีท” วัสดุมุงหลังคายอดนิยมของบ้านสมัยใหม่ และข้อมูลน่ารู้ต่าง ๆ ไว้เช็กก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

นอกจากกระเบื้องคอนกรีต กระเบื้องดินเผา และกระเบื้องเซรามิกแล้ว เมทัลชีทก็ถือเป็นวัสดุมุงหลังคายอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่นำมาใช้สร้างบ้านในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทันสมัย สีสวยสม่ำเสมอ ติดตั้งง่าย แถมยังช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้อากาศในบ้านเย็นสบายและประหยัดพลังงานได้อีกด้วย วันนี้เราจึงขอนำข้อมูลเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับหลังคาเมทัลชีทมาฝาก ให้กับคนที่กำลังจะนำวัสดุชนิดนี้มาเปลี่ยนแทนหลังคาเก่าหรือใช้สร้างบ้านใหม่ แต่ยังสับสน จับจุดไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี หรือยังไม่รู้ว่าหลังคาเมทัลชีทมีกี่แบบ เมทัลชีทราคาเท่าไหร่ และความหนาเมทัลชีทมีผลต่ออะไรบ้าง ถ้าอย่างนั้นก็ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยว่ามีเรื่องอะไรที่เจ้าของบ้านควรรู้ก่อนเลือกซื้อบ้าง

เมทัลชีทคืออะไร

เมทัลชีท (Metal Sheet) คือ วัสดุมุงหลังคายอดนิยมของบ้านสมัยใหม่ มีลักษณะเป็นแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีผสมอลูมิเนียม 55% (Zinc-Aluminium 55%) ที่นำมาขึ้นรูปลอน สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะนำไปมุงหลังคา กรุผนัง ทำกันสาด หรือกั้นรั้ว อีกทั้งช่วยป้องกันการกัดกร่อน ระบายความร้อน น้ำหนักเบา ไม่รั่วซึม ทนทาน แถมยังช่วยให้บ้านสวยงามทันสมัยขึ้นได้อีกด้วยเมทัลชีทแบบไหนเหมาะกับการใช้งานอย่างไร

เมทัลชีทมีกี่แบบ?

เมทัลชีทมีรูปแบบลอนมากมาย ที่มีระบบการติดตั้งที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธีการเลือกลอนนั้นนอกจากจะดูที่ความสวยงามแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่น ความลาดเอียงของโครงสร้างหลังคา ความยาวของหลังคา ซึ่งหากจะแบ่งประเภทของเมทัลชีท โดยแบ่งตามระบบการติดตั้งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ

1. ระบบยิงสกรู (Bolt System) ระบบที่ใช้สกรูยิงยึดระหว่างแผ่นเมทัลชีทกับแปหรือโครงสร้างหลังคา เป็นแบบที่นิยมใช้ เพราะติดตั้งง่าย เช่น เมทัลชีทรูปลอนมาตรฐาน 760

2. ระบบไม่ใช้สกรู (Boltless System) เป็นระบบติดตั้งแผ่นเมทัลชีทกับขายึดหรือคอนเน็กเตอร์ ไม่มีการใช้สกรูเจาะ ช่วยลดการรั่วซึมได้ดีกว่าระบบยิงสกรู เช่น เมทัลชีทรูปลอนคลิปล็อก

4 เรื่องที่เจ้าของบ้านควรรู้ก่อนซื้อเมทัลชีท

1. ความหนาของเมทัลชีทกับการใช้งาน

เมทัลชีทเป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่มีความหนาให้เลือกหลากหลาย เนื่องจากความหนาแต่ละระดับจะเหมาะกับลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป ยิ่งไปกว่านั้นความหนาของเมทัลชีทที่เพิ่มขึ้นยังหมายถึงความแข็งแรงและการป้องกันเสียงที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทว่ามีสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความหนาของเมทัลชีทมีผลต่อการออกแบบ การรับน้ำหนักของโครงสร้าง และความแข็งแรงของอาคารโดยตรง หากเลือกเมทัลชีทที่มีความหนาที่เหมาะสมกับการใช้งานและโครงสร้างของบ้าน ก็จะช่วยให้การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ แข็งแรง และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การซ่อมบำรุงเพราะเลือกความหนาผิดประเภทลงไปได้มากทีเดียว

โดยตัวอย่างความหนาของเมทัลชีทที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน มีดังนี้:

  • ความหนาเมทัลชีท 0.23-0.28 มิลลิเมตร: เหมาะกับงานหลังคาขนาดเล็ก เช่น ที่พักอาศัยชั่วคราว
  • ความหนาเมทัลชีท 0.30-0.35 มิลลิเมตร: เหมาะกับงานหลังคาและผนังขนาดเล็กที่มีระยะแปไม่เกิน 1.2 เมตร เช่น บ้านพักอาศัย ส่วนต่อเติม โรงจอดรถ และกันสาด
  • ความหนาเมทัลชีท 0.35-0.40 มิลลิเมตร: เหมาะกับงานหลังคาขนาดกลางและงานผนังทั่วไป เช่น โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กหรือโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง
  • ความหนาเมทัลชีท 0.40-0.47 มิลลิเมตร: เหมาะกับงานหลังคาขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เช่น โรงงานหรืออาคารขนาดกลางที่ต้องการการก่อสร้างคุณภาพสูง
  • ความหนาเมทัลชีท 0.47 มิลลิเมตรขึ้นไป: เหมาะกับงานหลังคาขนาดใหญ่ เช่น โรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่

มาถึงตอนนี้ทุกคนคงสังเกตเห็นแล้วว่า ยิ่งสิ่งก่อสร้างมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไร ความหนาของเมทัลชีทก็ควรต้องเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทว่านอกเหนือจากขนาดของสิ่งก่อสร้างแล้ว อย่าลืมพิจารณารูปลอนและระยะแปควบคู่กันไปด้วยนะ

2. การเลือกสีหลังคาให้เหมาะกับสไตล์ของบ้าน

นอกจากความหนาแล้ว เมทัลชีทยังมีพื้นผิวให้เลือกมากมาย เช่น พื้นผิวสะท้อนความร้อน พื้นผิวลายธรรมชาติ และพื้นผิวประกายมุก ตามมาด้วยหลังคาเมทัลชีทสีสันที่หลากหลาย  ทั้งแบบพื้นฐานและแบบพิเศษ จนทำให้หลายคนเกิดความสับสนและตัดสินใจไม่ถูก ถ้าอย่างนั้นเราลองมาเช็กตัวอย่างการมิกซ์ แอนด์ แมตช์ สีหลังคาให้เข้ากับสีตัวบ้านหรือสไตล์ของบ้านแบบคร่าว ๆ กันไว้ก่อน

  • โมเดิร์น (Modern): เป็นสไตล์ที่สมาร์ตและทันสมัย โครงสร้างบ้านเป็นทรงสี่เหลี่ยม ตกแต่งเรียบง่าย เน้นหน้าต่างบานใหญ่ไว้เปิดรับแสงจากธรรมชาติ จึงเหมาะกับสีกลาง ๆ หรือสีโทนเย็น ไม่ฉูดฉาด เช่น หลังคาสีนูโว บลู จากบลูสโคป แซคส์ (BlueScope Zacs)
  • ทรอปิคอล (Tropical):เป็นสไตล์ที่อบอุ่น มีความเป็นธรรมชาติ ตัวบ้านมักสร้างจากไม้หรือเหล็กผสมไม้ จึงเหมาะกับสีเอิร์ธโทน เช่น หลังคาสีเนเชอรัล บราวน์ จากบลูสโคป แซคส์ (BlueScope Zacs)
  • มินิมอล (Minimal): เป็นสไตล์ที่เรียบง่าย สะอาด มีคอนเซ็ปต์น้อยแต่มาก ตัวบ้านมักเน้นโทนสีสว่าง จึงเหมาะกับสีขาว เช่น หลังคาสีเอเชียน ไวท์ จากบลูสโคป แซคส์ (BlueScope Zacs)
  • อินดัสเทรีล (Industrial): เป็นสไตล์ที่ดิบ เก๋ เท่ ชิค ตัวบ้านมักตกแต่งด้วยโครงเหล็ก ปูนเปลือย หรือผนังสีเข้ม เหมาะกับหลังคาที่มีสีสันสดใสตัดกัน เช่น หลังคาสีเอ็มจี เยลโล่ จากบลูสโคป แซคส์ (BlueScope Zacs)

3. เลือกเมทัลชีทที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน

เพราะหลังคา เป็นบริเวณที่มีปริมาณความร้อนส่วนใหญ่ผ่านเข้าสู่ตัวบ้าน เนื่องจากเป็นส่วนที่ได้รับแสงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงสุดของวันนั้น หลังคาจะเป็นส่วนที่รับความร้อนทั้งหมด หลังคาจึงเปรียบเสมือนปราการด่านแรกที่คอยปกป้องตัวบ้านจากความร้อน ดังนั้น หลังคาเมทัลชีทที่สามารถสะท้อนความร้อนได้ดี จึงเป็นตัวเลือกที่สำคัญที่สามารถช่วยปกป้องบ้านจากความร้อนได้

4. เลือกที่มีคุณภาพ ผลิตตามมาตรฐานระดับสากล

คุณภาพมาตรฐาน เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเลือกวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะหลังคา ที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านหรืออาคาร ซึ่ง มอก. หรือมาตรฐานอุตสาหกรรม เป็นเครื่องหมายที่ช่วยรับประกันว่า เมทัลชีททุกแผ่นผ่านการตรวจสอบแล้วว่าได้มาตรฐาน และยิ่งไปกว่านั้น การเลือกเมทัลชีทที่ไม่เพียงได้รับแค่ มอก. แต่ผลิตตามมาตรฐานสากล ที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด จากมาตรฐานระดับสากล อย่างประเทศญี่ปุ่น อเมริกาและออสเตรเลีย จะยิ่งสร้างความมั่นใจในคุณภาพของเจ้าของบ้านมากยิ่งขึ้น  ซึ่งเจ้าของบ้านต้องสังเกตและพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง เพราะถ้าหากซื้อเมทัลชีทที่ไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้ได้หลังคาหรือผนังที่ไม่มีคุณภาพ ไม่แข็งแรง ไม่ทนทาน และไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ซึ่งจะแตกต่างจากเมทัลชีทที่ผลิตตามมาตรฐานระดับสากล ที่สามารถมั่นใจได้ว่าทุกแผ่นผ่านการตรวจสอบมาแล้วว่า มีความหนาตามที่ระบุไว้จริง อีกทั้งยังได้รับการทดสอบเรื่องการกระแทกและการยึดเกาะของสี ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพ ความแข็งแรง ความทนทาน ใช้งานได้นาน แถมเนื้อสีไม่หลุดล่อน ไม่ซีดจาง และไม่เป็นรอยง่ายด้วย

หลังคาเมทัลชีทบลูสโคป แซคส์ (BlueScope Zacs) เรียกได้ว่าน่าสนใจยืนหนึ่ง เพราะเขาการันตีว่าได้รับ มอก. ผลิตตามมาตรฐานระดับสากล จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย อีกทั้งยังผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพสูงและมีเทคโนโลยีช่วยสะท้อนความร้อน (Cool coating Technology) จึงรับประกันว่า สะท้อนความร้อนได้ดี ช่วยทำให้บ้านเย็น ทั้งยังรับประกันไม่ผุกร่อน 15 ปี และสีไม่ซีดจาง 8 ปี ที่สำคัญที่สุด ถ้าหากใครกำลังมองหาหลังคาเมทัลชีทดี ๆ สีสวย ๆ สด ๆ อยู่ เมทัลชีทจากบลูสโคป ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยมาถึงตรงนี้ หวังว่าคนที่กำลังมีแพลนอยากเปลี่ยนหลังคาใหม่ หรือกำลังสร้างบ้าน ถ้าอยากได้หลังคาเมทัลชีทที่มีความสวยงาม แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้นาน และมีความสวยงามเหมาะกับสไตล์ของบ้าน นอกจากเรื่องสีแล้วก็เช็กรายละเอียดให้ชัวร์ ทั้งในเรื่องของความหนา วัสดุเคลือบสีที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน หากจะให้ดีควรเป็นเมทัลชีทที่มีคุณภาพระดับสากล จะช่วยยืนยันด้วยว่าเป็นของดีมีคุณภาพ ใช้แล้วมั่นใจได้ว่าคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่จ่ายไปแน่นอน